วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554
วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2554
วันครอบครัว
วันที่ 13 เมษายนของทุกปีนอกจากเป็นวันสงกรานต์ที่เราคนไทยได้ยึดถือเป็นประเพณีอันดีงามสืบต่อกันมาตั้งแต่ โบราณกาลแล้ว ถัดมาอีก 1 วันคือวันที่ 14 เมษายน ของทุกปีซึ่งคาบเกี่ยวกับเทศกาลสงกรานต์เป็น “วันครอบครัว” ทั้งนี้ก็ เพื่อมุ่งหวังจะให้มีการฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณีแต่ดั้งเดิมซึ่งได้เปลี่ยนแปลงไปตามสภาวการณ์ของเศรษฐกิจบ้านเมือง อีกทั้งยังเป็นช่วงที่คนไทยส่วนใหญ่เดินทางกลับภูมิลำเนาทำบุญเทศกาลสงกรานต์ จึงถือเป็นโอกาสรวมญาติ รวม ครอบครัว ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับบุพการี รดน้ำดำหัว ขอพรผู้เฒ่าผู้แก่ เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล และเพื่อความ อบอุ่นเป็นสุขของครอบครัว ตามประเพณีไทยที่เคยปฏิบัติกันมาและรัฐบาลที่ผ่านมายังได้กำหนดให้วันอาทิตย์เป็นวันครอบ ครัว เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าของสถาบันครอบครัว และใช้เวลาว่างในวันหยุดสุดสัปดาห์ร่วม กันอีกทั้งยังส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าและทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ ระหว่างสมาชิกในครอบครัวและสร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อันจะส่งผลให้สังคมไทยเป็นสังคม ที่มีครอบครัวแข็งแรง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาสังคมไทยในด้านต่าง ๆ ได้อีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ ครอบครัวคือพื้นฐานสำคัญของสังคม บุคคลจะไม่สามารถพัฒนาไปได้ดี และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ถ้าปราศจาก ครอบครัวที่ดี ดังนั้น การปลูกฝังให้บุคคลของชาติเป็นคนดีมีคุณภาพต้องเริ่มกันที่ครอบครัว ครอบครัวคือสถานที่บ่มฟักลักษณะ นิสัยที่ดีงามให้แก่เด็ก ๆ โดยมีผู้ใหญ่ให้การดูแลสนับสนุนอย่างใกล้ชิด ลักษณะครอบครัวไทยจะมีผู้ใหญ่คอยดูแลสั่งสอน อบรม ลูกหลานจึงมีความได้เปรียบในการสร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัวแม้ว่าในปัจจุบันครอบครัวไทยจะเปลี่ยนแปลงไปตาม ภาวะเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ครอบครัวเล็กลง คือมีเพียงพ่อแม่และลูกเท่านั้น แต่เรายังมีวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามและ ส่งเสริมสถาบันครอบครัว หรือกล่าวอีกนัยก็คือ เรายังมีผู้ใหญ่ไม่ว่าจะเป็นปู่-ย่า, ตา-ยาย คอยให้การดูแลสนับสุนอย่างใกล้ชิด ซึ่งลักษณะครอบครัวไทยตั้งแต่อดีตมานั้นเป็นครอบครัวที่มีคุณลักษณะพิเศษและมีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยเฉพาะในด้านความ สัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัว ซึ่งมีการเคารพต่อผู้อาวุโสการเชื่อฟังหัวหน้าครอบครัว และความเอื้ออาทรต่อกันในหมู่ญาติ พี่น้อง อีกทั้งยังมีผู้ใหญ่คอยดูแล สั่งสอน และอบรมลูกหลาน คุณลักษณะเหล่านี้ได้ ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมไทย ทำให้เป็นสังคมแห่งการสมานฉันท์และช่วยเหลือเกื้อกูลกันแม้มีปัญหาหรืออุปสรรคใดเกิดขึ้นก็พร้อมจะหันหน้ามาปรึกษากันจนปัญหาทุเลาลงไปนำไปสู่สายใยรักและสายใยครอบครัวที่มีดุลยภาพพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กันด้วยความรักและความผูกพัน จึงมีความได้เปรียบกว่าคนชาติอื่น ๆในการสร้างความรักและความอบอุ่นในครอบครัวสิ่งเหล่านี้ถือเป็นจุดเด่นที่คนไทยจะต้องช่วยกันดำรงรักษาไว้และเสริมสร้างให้เข้มแข็งยิ่งๆขึ้นไป
บทบาทหน้าที่ของสมาชิกในครอบครัวที่พึงปฏิบัติต่อกัน
1. ให้ความรัก ความอบอุ่นและความเอื้ออาทรต่อกัน
2. หันหน้าเข้าหากันและยอมรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
3. ช่วยเหลือ ดูแล เกื้อกูล ซึ่งกันและกัน
4. ดูแลเอาใจใส่และให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น
5. รู้จักวางแผนการใช้จ่ายอย่างประหยัด/ไม่ฟุ่มเฟือย
6. รู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน
7. ปฏิบัติกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวรวมกันเช่น การเข้าวัดอบรมปฏิบัติธรรมนำครอบครัวอบอุ่นครอบครัวสนุกกับห้องสมุด ศิลปะสุดสัปดาห์
หลักในการปฏิบัติในชีวิตประจำวันที่ง่าย ๆ สำหรับครอบครัวคือ ใช้หลัก 5 อ.
1.อ. อภัย เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทำผิดพลาดไปบ้างให้นึกถึงคำว่าอภัยเสมอ และจะไม่นำเอาสิ่งที่ผิดพลาดนั้นมาพูดซ้ำเติมอีก
2.อ. เอื้อเฟื้อ สมาชิกทุกคนในครอบครัว ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่าคิดว่าไม่ใช่เรื่องของฉันไม่ใช่หน้าที่ของฉัน ฉันไม่เกี่ยวเช่น คุณพ่อซักผ้า แม่ถูบ้าน ลูกล้างจาน อย่าคิดว่าเป็นงานของใครคนใดคนหนึ่ง
3.อ. อารมณ์ขัน ฝึกให้มีอารมณ์ขันเสียบ้าง มีการกระเซ้าเย้าแหย่กันบ้างในบางโอกาสอาจเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ เพื่อนและพี่สำหรับลูกก็ได้
4.อ. อดทน อดกลั้น อดออม ชีวิตครอบครัวที่จะต้องมี 3 อ นี้ด้วย อดทนต่อความยากลำบากต่าง ๆ ในครอบครัวอดกลั้นต่อ สิ่งที่มากระทบจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือกิเลสที่มากระตุ้นเราให้หลุ่มหลง และให้รู้จักอดออมเงินทองที่หามาได้แบ่งไว้ใช้เป็นสัด ส่วน ส่วนที่หนึ่ง ใช้จ่ายในครอบครัวส่วนที่สองสำหรับการศึกษาของบุตร สวนที่สามสำหรับค่ารักษาพยาบาลเมื่อยามเจ็บไข้ ส่วนที่สี่บริจาคทานทำบุญสร้างกุศลไว้เป็นเสบียง เมื่อยามจะจากโลกนี้ไป แล้วอีกส่วนหนึ่ง เก็บออมไว้ใช้เมื่อยามแก่เฒ่า
5.อ. อบอุ่น เมื่อเราปฏิบัติได้ 4 อ. ข้างต้นแล้ว อ.ที่ 5 ก็จะตามมาอย่างแน่นอน คือ อบอุ่น เมื่อสมาชิก ทุกคนรู้หน้าที่และบทบาทของตัวเองแล้ว ชีวิตครอบครัวก็คงหนีไม่พ้นคำว่า “สุขภาพจิตเริ่มต้นที่บ้าน” ดังคำขวัญที่ว่าไว้อย่างแน่นอน จากหลักในการปฏิบัติในชีวิตประจำวันจะเห็นได้ว่า สมาชิกทุกคนในครอบครัวต่างมีบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบและความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยเฉพาะการเสียสละเวลาแก่ครอบครัวเพื่อสร้างความสุขความสัมพันธ์ที่ดีของสมาชิกในบ้าน เพราะการได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากเท่าใดทุกคนในครอบครัวจะมีโอกาสได้พูดคุยอบรมสั่งสอน รับฟังความคิดเห็น ให้ความช่วยเหลือหรือมีคำแนะนำที่ดีให้แก่กัน สร้างความผูกพัน ความรักใคร่สามัคคีและที่สำคัญคือเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูกหลาน เมื่อเขาเจริญเติบโตขึ้นในอนาคต วันครอบครัว จึงถือเป็นวันที่มีความสำคัญวันหนึ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญเพราะเป็นวันที่รวมความหมาย ของความอบอุ่นในครอบครัวเพื่อมอบแก่สมาชิกทุกคนในครอบครัว ซึ่งไม่เพียงแต่เฉพาะในวันครอบครัวเท่านั้น แต่หมายถึงทุกวันที่มีโอกาสด้วย
ในเทศกาลวันครอบครัวนี้เพื่อชีวิตที่สมบูรณ์ ทั้งการงานและครอบครัว
ท่านได้ดูแลครอบครัว(คู่ชีวิต ลูก พ่อ แม่ พี่น้อง) ดีแล้วหรือยัง ?
วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554
สโมสรลูกเสือนาวี
ด้วยสโมสรลูกเสือนาวี จัดมีการฝึกอบรมผู้บังคับบัญชาลูกเสือสมุทรขั้นความรู้เบื้องต้น และฝึกภาคปฏิบัติทางทะเล รุ่นที่ ๑๕ ให้กับสมาชิกของสโมสร ฯ ระหว่างวันที่ ๑ - ๓ เมษายน ๒๕๕๔ ณ ค่ายลูกเสือชั่วคราว มารีน รีสอร์ท (หาดเตยงาม)หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ( ผู้เข้าอบรมเป็นสมาชิกที่ผ่านการฝึกอบรมขั้นความรู้ทั่วไปทุกรุ่น )
สำหรับการฝึกอบรมภาคปฏิบัติทางทะเล รุ่นที่ ๑๕ ครั้งนี้ เพื่อให้สมาชิกของสโมสรฯ ได้เพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์ สนุกสนาน สามัคคี เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาชิกผู้เข้ารับการอบรมด้วยกัน โดยมี พลเรือตรี สมัคร หนูไพโรจน์ อุปนายกสมาคมฯฝ่ายบริหารเป็นผู้อำนวยการฝึก

สโมสรลูกเสือนาวี
ความเป็นมาของสโมสรลูกเสือนาวี
ก่อนที่จะมาเป็นสโมสรลูกเสือนาวีในยุคปัจจุบันนี้ ได้มีคณะก่อตั้งรวมตัวประชุมปรึกษาหารือมาก่อนแล้ว ตั้งแต่ก่อนปี 2537 ในครั้งนั้นสมาชิกได้ดำริจะก่อตั้ง โดยใช้ชื่อว่า “สมาคมผู้บังคับบัญชาลูกเสือสมุทร” มุ่งเฉพาะนักธุรกิจภาคเอกชน ข้าราชการและผู้สนใจในกิจการลูกเสือสมุทร ให้เข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วมสนับสนุนกิจการลูกเสือในโรงเรียน แต่การก่อตั้งในรูปแบบสมาคมต้องชะงักล่าช้า เพราะต้องเตรียมการหลายด้าน จนกระทั่งก่อนการเตรียมงานชุมนุมลูกเสือโลกครั้งที่ 20 ในประเทศไทย จึงได้มีระเบียบข้อบังคับออกมาใหม่ในรูปของสโมสร โดยกรรมการ บริหารลูกเสือแห่งชาติได้ออกข้อบังคับคณะลูกเสือแห่งชาติว่าด้วย การก่อตั้งสโมสรลูกเสือ พ.ศ. 2545 เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2545 พล.ร.ต. สมัคร หนูไพโรจน์ ผู้ริเริ่มมาตั้งแต่ต้นจึงได้ร่วมกับ คณะกรรมการก่อตั้งประชุมลงมติเชิญ พล.ร.อ. สุวัชชัย เกษมศุข อดีตผู้บัญชาการทหารเรือให้เป็นหัวหน้าคณะผู้ก่อตั้งและได้รายงานผลการประชุมการดำเนินการก่อตั้งสโมสรลูกเสือนาวี ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2545 เสนอคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ และได้รับอนุญาตรับทราบการดำเนิน การก่อตั้งสโมสรลูกเสือนาวี เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2545 หลังจากก่อตั้งแล้วกิจการของสโมสรลูกเสือนาวีจึงได้พัฒนาเจริญก้าวหน้าสืบมาตามลำดับ ได้มีการฝึกอบรมขั้นความรู้ทั่วไป และขั้นความรู้เบื้องต้น (BTC) และขั้นความรู้ขั้นสูงระดับผู้นำ (ATC) โดยฝึกอบรมหลักการลูกเสือ ทั้งภาคทฤษฎีและภาพปฏิบัติทางทะเลรวม 3 วัน รวมทั้งฝึกอบรมขั้นความรู้ขั้นสูงระดับผู้นำ (ATC) ซึ่งผู้เข้าอบรม ทั้งหมดเป็นนักธุรกิจภาคเอกชน ข้าราชการและผู้ที่สนใจในกิจการลูกเสือสมุทรอาสา สมัครมาเข้ารับการฝึกและเข้าเป็นสมาชิกของลูกเสือนาวี การฝึกอบรมขั้นความรู้ทั่วไปเป็นการฝึกครั้งแรกจึงเป็นพื้นฐานสำคัญในการเตรียมการฝึกอบรมผู้บังคับบัญชาลูกเสือสมุทรขั้นความรู้เบื้องต้น และฝึกภาคปฏิบัติทางทะเลรวม 3 วัน (BTC) และฝึกอบรมขั้นความรู้ชั้นสูงระดับผู้นำ (ATC)
วัตถุประสงค์สโมสรลูกเสือนาวี
1. สนองต่อวัตถุประสงค์ของคณะลูกเสือแห่งชาติ
2. ส่งเสริมให้สมาชิกยึดมั่น และปฏิบัติตามคำปฏิญาณและกฎของลูกเสือ
3. ให้การช่วยเหลือ สร้างสรรค์สังคม ส่งเสริมและสนับสนุนกระบวนการลูกเสือและกิจการของคณะลูกเสือแห่งชาติ
4. สนับสนุน ส่งเสริม และเผยแพร่กิจการของลูกเสือสมุทรให้แพร่หลาย
5. เสริมสร้างและพัฒนากิจการลูกเสือสมุทรให้เจริญก้าวหน้า โดยมุ่งให้สมาชิกทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และบุคคลทั่วไปที่มีจิตใจเสียสละ เข้ามามีส่วนร่วมในกิจการของลูกเสือสมุทร
6. ส่งเสริมความสามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูล ทั้งด้านวิชาการ การฝึกอบรม ตลอดจนให้การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ให้กับลูกเสือสมุทร
การดำเนินงานของสโมสร
หลังการก่อตั้งสโมสรลูกเสือนาวีเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2545 สโมสรได้ทำการประกาศรับสมัครสมาชิก และได้มีผู้ที่สมัครใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกสโมสรจำนวนมาก ทั้งข้าราชการสังกัดต่างๆ นักธุรกิจ และบุคคลทั่วไปที่สนใจในกิจการลูกเสือ ปัจจุบันสโมสรมีสมาชิกทั้งสิ้น 657 คน
ระยะเวลา 5 ปีเต็ม นับแต่เริ่มก่อตั้งสมาคม จนถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2551 สโมสรจัดให้มีการฝึกอบรมขั้นความรู้ทั่วไป 1 วัน จำนวน 32 รุ่น มีสมาชิกเข้ารับการฝึกรวม 900 คน และฝึกขั้นความรู้เบื้องต้นทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติทางทะเล 3 วัน จำนวน 9 รุ่น มีสมาชิกเข้ารับการฝึกรวม 400 คน
หลังจากสมาชิกได้รับการฝึกอบรมขั้นความรู้ทั่วไป และขั้นความรู้เบื้องต้นแล้ว สโมสรยังได้จัดเตรียมกิจกรรมให้กับสมาชิกอย่างต่อเนื่อง โดยการร่วมกิจกรรมแต่ละครั้ง สมาชิกของสโมสรจะร่วมใจกันเสียสละ ให้การสนับสนุน และช่วยเหลือการกุศลต่างๆ
-------------
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)