วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ร.ร.วัดบางขวาก & ร.ร.วัดบ้านสระ

วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

พระราชดำรัส 5 ธ.ค.53















"ขอให้ทุกคน ได้สังวร ระวังให้มากและประคับประคองกาย ใจ ให้เที่ยงตรง หนักแน่น"


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถพร้อมพระบรมวงค์
เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจาก รพ.ศิริราช ไปยังพระบรมมหาราชวัง เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัยในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ด้วยชุดขาวจักรี พระพักตร์แจ่มใส ทรงแย้มพระโอษฐ์และทรงโบกพระหัตถ์เมื่อทอดพระเนตรพสกนิกรที่มาเฝ้ารับเสด็จฯ ตลอดเส้นทางพระราชดำเนินตั้งแต่ในโรงพยาบาลศิริราช บริเวณหน้าโรงพยาบาลศิริราช ถนนอรุณอมรินทร์ บนสะพานพระปิ่นเกล้า ทั้งสองด้าน เส้นทางถนนราชดำเนินด้หน้าศาลฎีกา ตลอดจนหน้าพระบรมมหาราชวัง ประชาชนที่มาเฝ้าต่างพร้อมใจสวมเสื้อสีชมพู โบกธงชาติและธงสัญญาลักษณ์เแลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา และเปล่งเสียงทรงพระเจริญอย่างกึกก้อง ขณะที่รถยนต์พระที่นั่งที่วิ่งไปอย่าช้าๆ ผ่านหน้าทุกคน

ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ให้การต้อนรับคณะเยาวชนตามโครงการรวมใจไทยเป็นหนึ่ง รุ่นที่ ๑/๒๕๕๔


วันนี้ (๙ ธันวาคม ๒๕๕๓) เวลา ๐๙.๐๐ น. พลเรือเอก สุวิทย์ ธาระรูป ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ให้การต้อนรับคณะเยาวชนตามโครงการรวมใจไทยเป็นหนึ่ง ในโอกาสเดินทางมาเข้าพบ ณ ห้องรับรองกองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม กรุงเทพมหานคร พร้อมกับให้โอวาทและมอบของที่ระลึกแก่คณะเยาวชน ฯ
กองทัพเรือจัดกิจกรรมนำเยาวชนในพื้นที่ปฏิบัติงานของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดปัตตานี ทัศนศึกษานอกสถานที่ ตามโครงการรวมใจไทยเป็นหนึ่ง ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๔ จำนวน ๗ รุ่น โดยรุ่นที่ ๑/๒๕๕๔ กำหนดจัดทัศนศึกษานอกสถานที่ ระหว่างวันที่ ๕ ถึงวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๓
การจัดกิจกรรมนำเยาวชน ฯ ทัศนศึกษานอกสถานที่ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เยาวชนได้เปิดโลกทัศน์ให้กว้างไกลขึ้น ให้ได้รับความรู้และประสบการณ์ที่มีคุณค่าได้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันที่ทุกฝ่ายได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างชุมชนให้มีความเข้มแข็งและอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ท่ามกลางความหลากหลายของศาสนาและวัฒนธรรมตลอดจนยึดมั่นในประเทศชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ร่วมกัน อีกทั้งยังจะได้รับทราบถึงภารกิจในการป้องกันและพัฒนาประเทศของกองทัพเรือ รวมทั้งมีกิจกรรมที่สนุกสนานอื่น ๆ เพื่อให้เยาวชนเหล่านี้มีทัศนคติ ที่ดีมีความเข้าใจที่ถูกต้องและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับกองทัพเรือและทางราชการในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ (ที่มา : กพร.ทร.)

กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสเ­ฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวามหาราช

๓ ธ.ค.๕๓ พล.ร.ท.พงศ์ศักดิ์ ภูรีโรจน์ ผบ.นย. เป็นประธานในพิธีในการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสเ­ฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวามหาราช ประกอบด้วย และพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ, พิธีเจริญพระพุทธมนต์อายุวัฒนมงคลคาถา โดยพระสงฆ์ จำนวน... ๑๐ รูป, พิธีภาวนาอธิฐานจิตของผู้แทนศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม ณ บริเวณสนามหน้า บก.นย. ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

โรงเรียนนายเรือ รับสมัครบุคคลพลเรือนเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานราชการ

โรงเรียนนายเรือ มีความประสงค์
จะรับสมัครบุคคลพลเรือน เพื่อสอบคัดเลือกเป็นพนักงานราชการ จำนวน ๑๕ อัตรา ในตำแหน่งพนักงานบริการ พนักงานสูทกรรม และพนักงานซักรีด โดยผู้สมัครจะต้องมีอายุระหว่าง ๒๒ - ๔๐ ปีบริบูรณ์ สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาชั้นปีที่ ๓ ขึ้นไป มี ภูมิลำเนาอยู่ในเขตจังหวัดสมุทรปราการ เพศชาย ต้องผ่านการคัดเลือกทหารกองประจำการ และไม่มีข้อผูกพันตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พุทธศักราช ๒๔๙๗ กำหนดระยะเวลาการจ้างตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔
หลักฐานการสมัครประกอบด้วย หนังสือแสดงคุณวุฒิการศึกษา, ทะเบียนบ้านของผู้สมัคร บิดา มารดา, บัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่ายหน้าตรง ขนาด ๔ x ๖ เซนติเมตร จำนวน ๒ รูป, ใบรับรองแพทย์ และใบรับรองการทำงานหรือหลักฐานแสดงความสามารถพิเศษในด้านต่าง ๆ (ถ้ามี)
สนใจสมัครได้ที่ กองบัญชาการ โรงเรียนนายเรือ ถนนสุขุมวิท อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๓ ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ น. ถึง ๑๕.๓๐ น. ในวันราชการ สอบถาม รายละเอียดและขอรับใบสมัครได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๓๙๗๖ และ ๐ ๒๔๗๕ ๓๙๑๑ หรือทางเว็บไซต์โรงเรียนนายเรือ www.rtna.ac.th (ที่มา : รร.นร.)

แจ้งผู้ที่จะครบเกษียณอายุราชการใน ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ นำประวัติไปตรวจสอบความถูกต้อง


ตามที่ กรมกำลังพลทหารเรือ ได้จัดให้มีการประชุมชี้แจงแก่ผู้ที่ครบเกษียณอายุราชการเป็นประจำทุกปี นั้น ปรากฏว่าประวัติรับราชการ (เล่มต้นสังกัด) บางนายมีข้อมูลคลาดเคลื่อนกับประวัติ ฯ เล่มที่ กรมกำลังพลทหารเรือ เก็บรักษาไว้ ดังนั้น เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบแก้ไข กรมกำลังพลทหารเรือจึงขอแจ้งให้ผู้ที่จะครบเกษียณอายุราชการ ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ นำประวัติรับราชการ (เล่มต้นสังกัด) ไปตรวจสอบความถูกต้องด้วยตนเอง ได้ที่ แผนกทะเบียนและประวัติ กองทะเบียนพล กรมกำลังพลทหารเรือ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ หากพ้นกำหนดในช่วงวันดังกล่าว จะถือว่าประวัติ ฯ เล่มที่ กรมกำลังพลทหารเรือ ถูกต้อง
สำหรับเอกสารที่เกี่ยวข้องประกอบการตรวจสอบ ได้แก่ ประวัติรับราชการ (เล่มต้นสังกัด), สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน ๑ ฉบับ, รูปถ่ายสีหรือขาวดำ ขนาด ๓ x ๔ เซนติเมตร จำนวน ๒ รูป, บัญชีราชการทวีคูณ (ถ้ามี), สำเนาหลักฐานการแก้ไขชื่อตัว ชื่อสกุล (ถ้ามี), สำเนาหลักฐานการแก้ไข วัน เดือน ปีเกิด (ถ้ามี) และสำเนาหลักฐานการแก้ไข วัน เดือน ปีที่ขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการ "สด.๓" (ถ้ามี)
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองทะเบียนพล กรมกำลังพลทหารเรือ หมายเลขโทรศัพท์ภายใน ๕๔๖๙๕ (ที่มา : กพ.ทร.)

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ขอเชิญชมการถ่ายทอดเจาะชีวิตหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ ในรายการ "ประเด็นเด็ด ๗ สี" ๒๕ พฤศจิกายน นี้


กองทัพเรือ ขอเชิญชวนข้าราชการ ทหาร ลูกจ้าง และครอบครัว รับชมการถ่ายทอดชีวิตของหน่วยสงครามพิเศษทางเรือที่เข้าร่วมการแข่งขันเรือพายในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ ๑๖ ของสมาคมเรือพายแห่งประเทศไทย ในรายการ "ประเด็นเด็ด ๗ สี" ทางสถานีโทรทัศน์สี กองทัพบก ช่อง ๗ ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ตั้งแต่เวลา ๒๒.๓๐ น. (ที่มา : สลก.ทร.)

วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553



กองทัพเรือ จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ เนื่องในวันลอยกระทง ประจำปี ๒๕๕๓
กองเรือลำน้ำ กองเรือยุทธการ จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำเนื่องในวันลอยกระทง ในวันอาทิตย์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่างสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า - สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน พื้นที่บางนา - พระประแดง และพื้นที่โรงเรียนนายเรือ - อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ จังหวัดสมุทรปราการ สามารถติดต่อขอรับการช่วยเหลือกับทางศูนย์ ฯ ต่าง ๆ ได้ดังนี้
- ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำเนื่องในวันลอยกระทงของ กองเรือลำน้ำ กองเรือยุทธการ ที่ สายด่วน ๑๖๙๖ หรือหมายเลข ๐๘๑ ๘๓๕ ๖๖๒๙, ๐๘๑ ๘๓๕ ๖๕๙๓, ๐ ๒๔๑๒ ๖๙๖๓ หรือหมายเลขโทรศัพท์ภายในกองทัพเรือ ๕๓๐๙๓ และ ๕๓๐๙๔
- ศูนย์ความปลอดภัยทางน้ำ กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม สายด่วน ๑๑๙๙
- ศูนย์ตำรวจน้ำบางรัก กองบังคับการตำรวจน้ำ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๒๓๕ ๗๑๘๗ หรือ สายด่วน ๑๑๙๖
- ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร ได้แก่ ศูนย์พระราม สายด่วน ๑๙๙ และ สถานี ดับเพลิง บวรมงคล หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๒๔ ๒๘๒๓
(ที่มา : กลน.กร.)

การผูกเงื่อน

วิชาการของลูกเสือ
การผูกเงื่อน การผูกเงื่อนมีหลายแบบ ดังนี้

1.เงื่อนบ่วงสายธนู
วิธีการผูก



1. ขดเชือกให้เป็นบ่วงคล้ายเลขหก
2.จับปลายเชือกสอดเข้าไปในบ่วง สอดจากด้านล่าง
3. จับปลายเชือกอ้อมหลังเลขหก แล้ววกสอดปลายลงในบ่วงเลขหกและจัดเงื่อนให้แน่น
ประโยชน์
1. ใช้ผูกสัตว์กับหลักต้นไม้ สัตว์สามารถเดินหมุนรอบๆได้
2.ใช้ผูกกับเรือกับหลัก เมื่อน้ำขึ้นหรือลงบ่วงจะเลื่อนลงได้เอง
3.ใช้เป็นบ่วงช่วยคนตกน้ำ หรือใช้คล้องคน เพื่อนหย่อนตัวจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ
4. ใช้คล้องคันธนู

2. เงื่อนบ่วงสายธนู 2ชั้น
วิธีผูก



1. ขดเชือกที่ทบกันให้เป็นห่วงคล้ายเลขหก
2.จับปลายเชือกสอดเข้าไปในบ่วงเลขหก จะเกิดบ่วงเอ
3.จับปลายเชือกมาคล้องบ่วงเอ
4.ดึงเชือกเส้นบนขึ้น และพลิกเชือกเส้นล่างกลับขึ้น และดึงเชือกให้แน่น
ประโยชน์
1.ช่วยคนไข้ที่หมดสติ โดยการคล้องดึงคนไข้จากที่ต่ำขึ้นสู่ที่สูง เช่น ช่วยคนขึ้นจากก้นเหว จากบ่อ เป็นต้นหรือช่วยคนจากที่สูงลงสู่พื้นดิน
2. ใช้คล้องกับเสาหรือต้นไม้ ทำให้แข็งแรงทนทานจากการยึด
3.ใช้ผูกคล้องขอเหล็ก เพื่อใช้เกี่ยวยกสิ่งของหรือหย่อนลในที่ต่ำๆ

3.เงื่อนบ่วงสายธนู 3ชั้น
วิธีผูก



1. ขดเชือกที่ทบกัน ให้คล้ายกับเลขหก
2. จับปลายเชือกสอดเข้าไปในบ่ว แล้วดึงอ้อมขึ้นลอดใต้เชือก
3.นำปลายเชือกด้านเดิมสอดลงบ่วงอีกครั้ง
4.ขยายปลายเชือกให้เป็นบ่วงขนานกับบ่วงเดิม แล้วดึงเชือกให้แน่น
ประโยชน์
1.ใช้ผูกกับข้อเหล็กได้ที่ละหลายขอ เพื่อใช้เกี่ยวยกสิ่งของหรือหย่อนสิ่งของ
2. ใช้กับปั้นจั่นยกสิ่งของ
3. ช่วยดึงผู้ที่ติดอยู่ในที่ต่ำ ซึ่งใช้แทนเงื่อนสายธนูสองชั้น และเก้าอี้ได้

4.เงื่อนเก้าอี้
วิธีผูก





1.ทำเชือกให้เป็นสองบ่วง สลับข้างกัน แล้วดึงบ่วงทั้งสอง ซ้อนกัน จากนั้นดึงแต่ละด้านตามแนวลูกศร
2.จะเกิดเป็นบ่วงเอและบีและวนำเชือกเส้นที่หนึ่งคล้องบ่วงเอและนำปลายเชือกเส้นที่สองคล้องบ่วงบี
3.ดึงเชือกทั้งสองเส้น และบ่วงเอบีให้แน่น
ประโยชน์
1. ช่วยคนที่ติดอยู่บนที่สูง เช่น ตึก อาคาร ต้นไม้ เป็นต้น
2. ช่วยคนที่ติดอยู่ในที่ต่ำ เช่น ก้นบ่อ เหว เป็นต้น
การผูกเชือกพันหลักให้แน่น

5.เงื่อนกระหวัดไม้
วิธีผูก


1. นำปลายเชือกข้างใดข้างหนึ่ง พันหลักหรือเสา สองรอบ
2. ใช้ปลายเชือกพันทับเชือกอีกด้าน แล้วสอดกลับมาด้านหน้าหนึ่งรอบ
3.ใช้ปลายเชือกเส้เดิมพันทับเหมือนข้อที่2. อีกหนึ่งรอบ แล้วดึงปลายเชือกทั้งสองข้างให้แน่น

6.เงื่อนตะกรุดเบ็ด
วิธีผูก


1.พาดปลายเชือกอ้อมไปด้านหลังหลัก
2.อ้อมปลายเชือกไปด้านหลัง แล้ววกกลับมาด้านหน้าลอดตัวเอง
3.จัดเงื่อนให้เรียบร้อย


ที่มาและได้รับอนุญาตจาก :
มูลนิธิคณะลูกเสือแห่งชาติ. ลูกเสือ - เนตรนารี ป.6. พิมพ์ครั้งที่ 1.กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์.

วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กองทัพเรือ จัดกิจกรรมเนื่องในวันกองทัพเรือ ๑๐๔ ปี กำลังพลแถวรับฟังสารผู้บัญชาการทหารเรือ



เนื่องในวันกองทัพเรือ เวียนมาบรรจบครบ ๑๐๔ ปี ในปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ กองทัพเรือ ได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วย ในช่วงเช้ามีพิธีทำบุญประจำปี ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม และกิจกรรมปล่อยพันธุ์ปลา บริเวณ ท่าเทียบเรือ กองบัญชาการกองทัพเรือ โดยมี พลเรือเอก กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธาน ฯ และในช่วงเย็น ได้จัดให้มีงานเลี้ยงรับรองและพิธีมอบรางวัลเกียรติยศนาวีให้แก่บุคคลดีเด่นของกองทัพเรือ โดยกองทัพเรือได้เรียนเชิญ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี ฯ
สำหรับบุคคลดีเด่นที่กองทัพเรือคัดเลือกในปีนี้ มีจำนวน ๙ นาย ใน ๕ สาขา ดังนี้
- สาขาการทหารเรือ ได้แก่ นาวาตรีเจริญ สุตตาสอน, เรือเอก ปัญญา จาปรุง และ พลฯ ชลทิตย์ สอนฆ้อง
- สาขาเศรษฐกิจ ได้แก่ นาวาเอก วิรัตน์ สมจิตร์
- สาขาการพัฒนาสังคม ได้แก่ นาวาเอก ชัชวาล มีสวัสดิ์ และ พันจ่าเอก คะนึง ฆังคะมะโน
- สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม ได้แก่ พลเรือโท สมหมาย ปราการสมุทร และ นาวาเอก สุทธิไชย รังสิโรดม์โกมล
- สาขาอื่น ๆ ได้แก่ นาวาเอก อนุสรณ์ ยังคุ้มญาติ
และในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มีสารถึงเพื่อนข้าราชการ ทหาร ลูกจ้าง และพนักงานราชการกองทัพเรือ เพื่อขอบคุณที่กำลังพลทุกนายต่างทำหน้าที่อย่างทุ่มเท ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ จนบังเกิดผลดีแก่ประเทศชาติและสามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้เป็นอย่างดี โดยกำลังพลทุกนายจะแต่งกายเครื่องแบบหมายเลข ๒ แถวรับฟังสารผู้บัญชาการทหารเรือ ทางสถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือ ในวันศุกร์ที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เวลา ๐๘.๓๐ น. โดยพร้อมเพรียง (ที่มา : สลก.ทร.)

ขอเชิญชมภารกิจและผลการดำเนินงานของกองทัพเรือในรอบปีที่ผ่านมา เนื่องในวันกองทัพเรือ



กองทัพเรือ ขอเชิญชมการเผยแพร่ภารกิจและผลการดำเนินงานของกองทัพเรือในรอบปีที่ผ่านมา เนื่องในวันกองทัพเรือ ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ ดังนี้
- สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๕ ออกอากาศ ในวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ระหว่างเวลา ๑๖.๕๕ น. - ๑๗.๐๐ น.
- สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง ๗ ออกอากาศ ในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ระหว่างเวลา ๐๘.๑๕ น. - ๐๘.๒๐ น.
- สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ออกอากาศ ในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เวลา ๒๐.๒๕ น. - ๒๐.๓๐ น.
จึงขอเชิญชวน ข้าราชการ ทหาร และลูกจ้าง ตลอดจนครอบครัว รับชมการเผยแพร่กิจการของกองทัพเรือ เนื่องในวันกองทัพเรือ ได้ ตามวันและเวลาดังกล่าว (ที่มา : สลก.ทร.)

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

navigayotinburana school 2.flv



กิจกรรมสูกเลือสำรอง ร.ร.นาวิกโยธินบูรณะ 12 พ.ย.53 กองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยา clip 2

หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก



13 เลขนี้ มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นการสำแดงตัวตน “ความเป็นคนไทยหรือคนในประเทศไทย” ที่ทำให้เราสามารถอาศัยอยู่ในประเทศไทย และใช้สิทธิอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้

โดยความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเรียนหรือทำอะไร ตัวเลขก็ล้วนมีเอี่ยว หรือมายุ่งเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของคนเราเสมอ และในทางกลับกัน ตัวเลขบางตัวอาจจะทำให้เรามีความสุขขึ้นด้วยซ้ำ เช่น ตัวเลขเพิ่มขึ้นของเงินเดือนหรือโบนัส ตัวเลขในบัญชีรายรับ

ตัวเลขมูลค่าเพิ่มของหุ้นที่เราซื้อ ฯลฯ ยกเว้น ตัวเลขดอกเบี้ยเงินกู้ ที่งามโดยไม่ต้องรดน้ำ หรือตัวเลขยอดหนี้ที่ยังไม่จ่าย ส่วนตัวเลขที่น่ารังเกียจอีกตัว คือ ตัวเลขอายุที่เพิ่มขึ้นของสาวๆ ที่ยังไม่แต่งงาน เป็นต้น

นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว ยังมี “ตัวเลข” ที่เกี่ยวพันกับความเชื่อต่างๆ ทั้งของไทยและต่างประเทศอีกหลายตัว เช่น คนไทยถือว่า เลข 9 เป็นเลขมงคล เพราะออกเสียงว่า “เก้า” ที่พ้องกับคำว่า “ก้าว” อันหมายถึง ความเจริญก้าวหน้า ด้วยเหตุนี้ ในปัจจุบัน เราจึงเห็นคนไทยจำนวนไม่น้อย ไปทัวร์ไหว้พระ 9 วัดเพื่อความเป็นสิริมงคล จนได้กลายมาเป็นการ “ทำบุญ” อีกรูปแบบที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย

สำหรับฝรั่ง เขาจะถือว่า เลข 13 เป็นเลขอาถรรพ์ หรือเลขอัปมงคล หรือเรียกกันว่า ลัคกี้นัมเบอร์ (Lucky number) สาเหตุมาจากอาหารมื้อสุดท้าย ของพระเยซูคริสต์ ที่เรียกกันว่า เดอะลาสซับเปอร์ (The Last Supper) นั้น มีสาวกร่วมโต๊ะพร้อมกับพระองค์ นับรวมแล้วได้ 13 คนพอดี ครั้นวันรุ่งขึ้นซึ่งตรงกับวันศุกร์ พระองค์ก็ถูกจับตรึงกางเขนจนสิ้นพระชนม์ เขาจึงถือว่าวันศุกร์ที่ตรงกับวันที่ 13 เป็นวันโชคร้าย

แม้ว่าเลข 13 จะเป็นเลขอาถรรพ์ของฝรั่ง แต่คนไทยโดยทั่วไป ไม่ได้ถือกับตัวเลขดังกล่าว และที่น่าสนใจคือ มี เลข 13 ที่เกี่ยวพันโดยตรงกับคนไทย ซึ่งเชื่อว่า คงมีคนอีกไม่น้อยไม่เคยทราบมาก่อน นั่นคือ เลขประจำตัวประชาชนในบัตรประชาชน หรือที่เดี๋ยวนี้เรียก สมาร์ทการ์ด ที่มีด้วยกัน 13 หลัก และแต่ละหลักก็มิใช่แค่เป็นเพียงจำนวนนับธรรมดาๆ แต่มีความหมายแฝงอยู่ด้วย ซึ่งกลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ขอนำมาเสนอเพื่อเป็นความรู้ ดังนี้

สมมุติว่า เลขบัตรประชาชนของเราเขียนไว้ว่า 1 1001 01245 29 9 (เขียนเว้นวรรค ตามแบบ) แต่ละหลักก็จะมีความหมายดังนี้

หลักที่ 1 (คือหมายเลข 1 ในตัวอย่าง) จะหมายถึง ประเภทบุคคล ซึ่งมีอยู่ 8 ประเภทได้แก่

ประเภทที่ 1 คือ คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย และได้แจ้งเกิดภายในกำหนดเวลา หมายความว่า เด็กคนใดก็ตามที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2527 เป็นต้นไป อันเป็นวันเริ่มแรกที่เขาประกาศให้ประชาชนทุกคน ต้องมีเลขประจำตัว 13 หลัก เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองไปแจ้งเกิดที่อำเภอ หรือสำนักทะเบียนในเขตที่อยู่ภายใน 15 วันนับแต่เกิดมา ตามที่กฎหมายกำหนด เด็กคนนั้นก็ถือเป็นบุคคลประเภท 1 และจะมีเลขประจำตัวขึ้นด้วยเลข 1 เช่น เด็กหญิงส้มจี๊ด เกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2527 และพ่อไปแจ้งเกิดที่เขตดุสิตภายในวันที่ 17 มกราคม 2527 เด็กหญิงส้มจี๊ด ก็จะมีหมายเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 1 และก็ต่อด้วยเลขหลักอื่นๆ อีก 12 ตัว เป็น 1 1001 01245 29 9 เป็นต้น ซึ่งเลขนี้จะปรากฏในทะเบียนบ้าน และจะเป็นเลขประจำตัว เมื่อส้มจี๊ดไปทำบัตรประชาชนตอนอายุ 15 ปี

ประเภทที่ 2 คือ คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย ได้แจ้งเกิดเกินกำหนดเวลา หมายความว่า เด็กคนใดก็ตามที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2527 เป็นต้นไป แล้วบังเอิญว่าพ่อแม่ผู้ปกครองลืมหรือติดธุระ ทำให้ไม่สามารถไปแจ้งเกิดที่อำเภอหรือเขตภายใน 15 วันตามกฎหมายกำหนด เมื่อไปแจ้งภายหลัง เด็กคนนั้นก็จะกลายเป็นบุคคลประเภท 2 และจะมีเลขตัวแรกในทะเบียนบ้านขึ้นด้วยเลข 2 ทันที เช่น ในกรณีส้มจี๊ด หากพ่อไปแจ้งเกิดให้ ในวันที่ 18 มกราคม 2527 หรือเกินกว่านั้น ส้มจี๊ดก็จะมีเลขประจำตัวเป็น 2 1001 01245 29 9 ในทะเบียนบ้าน และเมื่อไปทำบัตรประชาชนในภายหน้า

ประเภทที่ 3 คือ คนไทยและคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในสมัยเริ่มแรก (คือตั้งแต่ก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม 2527) หมายความว่า บุคคลใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ณ ที่ใดที่หนึ่งในประเทศไทย มาตั้งแต่ก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 คนนั้นถือว่าเป็นบุคคลประเภท 3 และก็จะมีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 3 เช่น ส้มจี๊ด เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2501 และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านแล้ว ส้มจี๊ดก็จะมีเลขประจำตัวในทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชนเป็น 3 1001 01245 29 9

ประเภทที่ 4 คือ คนไทยและคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญคนต่างด้าวแต่แจ้งย้ายเข้า โดยยังไม่มีเลขประจำตัวประชาชน ในสมัยเริ่มแรก หมายความว่า คนไทยหรือคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญคนต่างด้าว ที่อาจจะเป็นบุคคลประเภท 3 คือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดิมอยู่แล้ว แต่ยังไม่ทันได้เลขประจำตัว ก็ขอย้ายบ้านไปเขตหรืออำเภออื่น ก่อนช่วงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 ก็จะเป็นบุคคลประเภท 4 ทันที เช่น ส้มจี๊ดมีชื่ออยู่ในสำนักทะเบียนเขตคลองสาน มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501 ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2527 ส้มจี๊ดก็ขอย้ายบ้านไปเขตดุสิต โดยที่ส้มจี๊ดยังไม่ทันได้เลขประจำตัวจากเขตคลองสาน พอแจ้งย้ายเข้าเขตดุสิต ส้มจี๊ดก็จะกลายเป็นบุคคลประเภท 4 มีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วย 4 กลายเป็น 4 1001 01245 29 9 ทันที แต่ถ้าส้มจี๊ดย้ายจากเขตคลองสานเดิม ไปเขตดุสิต หลังวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 ส้มจี๊ดก็ยังเป็นบุคคลประเภท 3 อยู่ เพราะถือว่าจะได้เลขประจำตัวจากเขตคลองสานแล้ว จะย้ายอย่างไรก็ไม่เปลี่ยนแปลง

การกำหนดให้บุคคลเริ่มมีเลขประจำตัว 13 หลักในทะเบียนบ้านหรือบัตรประชาชน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2527 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 อันเป็นวันสุดท้าย ของการดำเนินการให้ประชาชน ที่ไม่มีเลขประจำตัวในบัตรหรือทะเบียนบ้าน ได้มีเลขประจำตัวจนครบแล้วนั้น ก็เพราะก่อนหน้านี้ ประเทศไทยยังไม่เคยมีการกำหนดเลขประจำตัวดังกล่าวมาก่อนเลย ดังนั้น ช่วงที่ว่าจึงเป็นระยะเวลาจัดระบบให้เข้าที่เข้าทาง เพราะหลังจากวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 แล้ว ทุกคนจะต้องมีเลขประจำตัวเพื่อสำแดงตนว่า เป็นบุคคลประเภทใด โดยดูตามเงื่อนไขในแต่ละกรณี ซึ่งมีอีก 4 ประเภท คือ

ประเภทที่ 5 คือ คนไทยที่ได้รับอนุมัติให้เพิ่มชื่อ เข้าไปในทะเบียนบ้านในกรณีตกสำรวจ หรือกรณีอื่นๆ เช่น ส้มจี๊ดมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเขตดุสิตอยู่แล้ว แต่บังเอิญว่าตอนที่มีการสำรวจรายชื่อผู้อยู่ในบ้าน เกิดความผิดพลาดทางเทคนิค ทำให้ชื่อของส้มจี๊ดหายไปจากทะเบียนบ้าน เมื่อไปแจ้งเจ้าหน้าที่และตรวจสอบแล้วว่าตกสำรวจจริง หรือจะเป็นเพราะกรณีอื่นใดก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็จะเพิ่มชื่อให้ แต่ส้มจี๊ดก็จะมีหมายเลขในทะเบียนบ้านเป็นบุคคลประเภท 5 และบัตรประชาชนจะขึ้นต้นด้วยเลข 5 ทันที คือ กลายเป็น 5 1001 01245 29 9

ประเภทที่ 6 คือ ผู้ที่เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และผู้ที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่อยู่ในลักษณะชั่วคราว กล่าวคือ คนที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่ยังไม่ได้สัญชาติไทย เพราะทางการยังไม่รับรองทางกฎหมาย เช่น ชนกลุ่มน้อยตามชายแดน หรือชาวเขา กลุ่มนี้ถือว่าเป็นผู้เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนบุคคลที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่อยู่ชั่วคราว เช่น นักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย แม้บางคนจะถือพาสปอร์ตประเทศของตน แต่อาจจะมีสามีหรือภริยาคนไทย จึงไปขอทำทะเบียนประวัติ เพื่อให้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านสามีหรือภริยา คนทั้งสองแบบที่ว่า ถือว่าเป็นบุคคลประเภท 6 เลขประจำตัวในบัตรจะขึ้นต้นด้วยเลข 6 เช่น 6 1012 23458 12

ประเภทที่ 7 คือ บุตรของบุคคลประเภทที่ 6 ซึ่งเกิดในประเทศไทย คนกลุ่มนี้ในทะเบียนประวัติจะมีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 7 เช่น 7 1012 2345 133

ประเภทที่ 8 คือ คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฎหมาย คือ ผู้ที่ได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือคนที่ได้รับการแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทย และคนที่ได้รับการให้สัญชาติไทย ตั้งแต่หลังวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 เป็นต้นไปจนปัจจุบัน คนกลุ่มนี้เลขในทะเบียนประวัติจะขึ้นด้วยเลข 8 เช่น 8 1018 01234 24 7

คนทั้ง 8 ประเภทนี้ จะมีเพียงประเภทที่ 3, 4 และ 5 เท่านั้น ที่จะมีบัตรประชาชนได้เลย ส่วนประเภทที่ 1 และ 2 จะมีบัตรประชาชนได้ ก็ต่อเมื่อมีอายุถึงเกณฑ์ทำบัตรประจำตัวประชาชน คืออายุ 15 ปี แต่สำหรับบุคคลประเภทที่ 6, 7 และ 8 จะมีเพียงทะเบียนประวัติเล่มสีเหลืองเท่านั้น จะไม่มีการออกบัตรประชาชนให้

ต่อไปคือ หลักที่ 2 ถึงหลักที่ 5 (เลข 1001 ในตัวอย่างหรือสี่ตัวถัดไปจากตัวแรก) จะหมายถึง รหัสของสำนักทะเบียน หรืออำเภอที่เรามีชื่ออยู่ในทะเบียนขณะที่ให้เลข ซึ่งก็หมายถึงถิ่นที่อยู่ของเรานั่นเอง กล่าวคือ เลขหลักที่ 2 และ 3 จะหมายถึงจังหวัดที่อยู่ ส่วนหลักที่ 4 และ 5 หมายถึงเขตหรืออำเภอในจังหวัดนั้นๆ เช่น ถ้าเขียนว่า 1001 ก็หมายถึงว่า คุณอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ในเขตดุสิต เพราะ 10๐ ในหลักที่ 2 และ 3 หมายถึงกรุงเทพมหานคร ส่วนเลข 01 ในหลักที่ 4 และ 5 คือรหัสของสำนักทะเบียนเขตดุสิต หรือถ้าเขียนว่า 1101 ก็จะหมายถึง อยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอเมือง เพราะ 11 แรกคือ รหัสจังหวัดสมุทรปราการ และ 01 หลัง คือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ เป็นต้น

สำหรับ หลักที่ 6 ถึงหลักที่ 10 (เลข 01245 ในตัวอย่าง) จะหมายถึง กลุ่มที่ของบุคคลแต่ละประเภท ตามหลักแรก (หลักที่ 1) ซึ่งทางสำนักทะเบียนในแต่ละแห่ง ก็จะจัดกลุ่มเรียงไปตามลำดับ หรือหากเป็นเด็กเกิดใหม่ในปัจจุบัน เลขดังกล่าวก็จะหมายถึง เล่มที่ของสูติบัตร (ใบแจ้งเกิดที่อำเภอหรือเขตออกให้) ซึ่งก็คือเลขประจำตัวในทะเบียนบ้านของเด็กที่แต่ละอำเภอหรือเขตออกให้ และจะไปปรากฏในบัตรประชาชน เมื่อถึงอายุต้องทำบัตรนั่นเอง แต่ถ้ายังไม่ถึงเกณฑ์เลขนี้ ก็จะปรากฏอยู่แค่ในทะเบียนบ้านของเด็กเท่านั้น

หลักที่ 11 และ 12 (หมายเลข 29 ในตัวอย่างสมมุติ) จะหมายถึง ลำดับที่ของบุคคลในแต่ละกลุ่มประเภท เป็นการจัดลำดับว่าเราเป็นคนที่เท่าไรในกลุ่มของบุคคลประเภทนั้นๆ

หลักที่ 13 (เลข 9 ตัวสุดท้ายในตัวอย่าง) จะหมายถึง ตัวเลขสำหรับตรวจสอบความถูกต้องของเลขทั้ง 12 หลักแรกอีกที

สำหรับเลขตั้งแต่หลักที่ 6 ถึง 13 นี้เป็นการจัดหมวดหมู่ และเรียงลำดับบุคคลในแต่ละประเภทของสำนักทะเบียนในแต่ละท้องที่ ซึ่งเราก็คงไม่ต้องรู้รายละเอียดอะไรลึกไปกว่านี้ เพราะรู้แล้วอาจจะงงเปล่าๆ

เป็นเรื่องน่าแปลกว่า ตัวเลข 13 หลักที่เป็นหมายเลขในบัตรประชาชน หรือเลขประจำตัวประชาชนของเราแต่ละคนนี้ จะไม่มีการซ้ำกันเลย ผิดกับชื่อหรือนามสกุล ยังมีซ้ำกันได้ และจะเป็นเลขประจำตัวเราจนตาย ไม่มีการเปลี่ยน หรือยกให้คนอื่น และจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ว่า ในอนาคตจะต้องมีการเติมเลข อย่างเลข 8 เข้าไปอีก เพราะเลขไม่พอใช้เหมือนโทรศัพท์มือถือหรือไม่ เขาก็บอกว่าคงอีกนาน อาจจะถึง 100 ปีโน่น เพราะการที่เขาแยกแยะบุคคลเป็นประเภทต่างๆ และยังแยกย่อยเป็นจังหวัดอำเภอ แล้วลงรายละเอียดไปเป็นกลุ่มๆในแต่ละประเภทอีกนั้น ทำให้เพดานหรือช่วงตัวเลขมีความห่างมาก จนสามารถรองรับจำนวนคนได้อีกมาก และหากใครสงสัย หรือมีปัญหาในเรื่องทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส บัตรประชาชน ก็สามารถสอบถามไปได้ที่ สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง โทร. 1548

ตัวเลข 13 หลักที่กล่าวข้างต้น เป็นเลขประจำตัวประชาชนของแต่ละคนนี้ แม้จะมิใช่ตัวเลขที่เราต้องใช้เป็นประจำในชีวิตประจำวัน ยกเว้นใช้ในการกรอกเอกสารบางอย่าง เช่น การเปิดบัญชีธนาคาร ฯลฯ แต่เลขนี้ก็มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นการสำแดงตัวตน “ความเป็นคนไทยหรือคนในประเทศไทย” ที่ทำให้เราสามารถอาศัยอยู่ในประเทศไทย และใช้สิทธิอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้



ขอขอบคุณข้อมูลข่าว : อมรรัตน์ เทพกำปนาท สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม

navigayothinburana school.flv



กิจกรรมสูกเลือสำรอง ร.ร.นาวิกโยธินบูรณะ 12 พ.ย.53 กองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยา

หาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธิน



หาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธิน

Teay Ngam Beach

อ่าวนาวิกโยธิน เป็นอ่าวเปิดสู่อ่าวไทยทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เป็นหาดทรายสะอาดค่อยๆลาดลง ก้นอ่าว นอกจากจะชื่ออ่าวนาวิกโยธินแล้ว ยังถูกเรียกชื่ออื่นอีก เช่น อ่าวเตยงามบ้าง

อ่าวนาวิกโยธิน ตั้งอยู่ภายในค่ายกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี มีอีกชื่อหนึ่งว่า อ่าวเตยงาม ทิศเหนือติดกับผาวชิราลงกรณ์ ชายหาดเป็นหาดทรายขาวทอดยาวไปตามความโค้งของอ่าว ค่อย ๆ ลาดลงไปในทะเล เมื่อน้ำลดจะมีลักษณะเป็นลานกว้าง สามารถเดินไปถึงเกาะไก่เตี้ย ที่ตั้งอยู่ในบริเวณก้นอ่าวได้ ซึ่งอ่าวนาวิกโยธินนี้ นักท่องเที่ยวสามารถร่วมกิจกรรมทางน้ำได้ทั้งเรือใบและวินเซิร์ฟ ตลอดจนกิจกรรมทางน้ำประเภทอื่นๆ

พิพิธภัณฑ์ทหารนาวิกโยธิน เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงวัตถุต่างๆอันเกี่ยวกับทหารนาวิกโยธิน ซึ่งภายในจัดแบ่งเป็นห้องแสดงเรื่องราวและประวัติอันได้แก่ ห้องบรรยายสรุป, ห้องพระราชวงศ์ที่เกี่ยวข้องกับทหารนาวิกโยธิน, ห้องแสดงเครื่องแบบและเครื่องหมายของทหารนาวิกโยธิน และห้องจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงห้องแสดงฉากจำลองยุทธภูมิต่างๆของ ทหารนาวิกโยธิน อีกด้วย.และใกล้ๆกันนั้นก็ยังมีสถานที่ๆน่าสนใจ ที่เราจะพาไปเที่ยวชมได้แก่ " อนุสาวรีย์ทหารนาวิกโยธิน " ซึ่งอนุสาวรีย์นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติและร่วมรำลึกถึงทหารนาวิกโยธิน ที่ได้เสียชีวิตในการสู้รบในสมรภูมิต่างๆ และไม่ไกลกันในเวลาพระอาทิตย์ตกดินของทุกเย็นจะมี " พิธีเชิญธงลงจากยอดเสา " ซึ่งเป็นการปฏิบัติมีมาช้านานของทหารเรือ เวลาที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเป็นเวลาที่จะเชิญธงลงจากยอดเสา และที่บริเวณหาดเตยงามแห่งนี้ก็มีพิธีนี้เช่นกัน

ศาลกรมหลวงชุมพร จากพิพิธภัณฑ์ด้านขวามือหากท่านขับรถตรงขึ้นเขาจะมีป้ายบอกทางชัดเจนระหว่าง ทางขับรถขึ้นเขาให้ระวังฝูงลิง ที่เขาจะมาคอยขออาหารจากผู้มาเยือนซึ่งต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง เพราะลิงที่นี่จะเชื่องกับคนมาก เมื่อเข้ามาที่บริเวณศาลก็จะพบกับผู้ที่เข้ามาสักการะซึ่งเป็นผู้ที่นำสิ่ง ของมาบนบาน ที่ศาลก็จะมีพระบรมรูปจำลองของ กรมหลวงชุมพร ให้ได้เคารพสักการะและด้านในก็จะมีจุดชมวิวบนเขา รวมถึงตู้ที่จำลองเหตุการณ์และวีรกรรมของเหล่าบรรดาทหารเรือในอดีต ที่ผ่านมา." ในหลวงของเรา " วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเรือใบประเภทโอเคขนาด 13 ฟุตชื่อ " เวคา " จากพระราชวังไกลกังวลหัวหินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ออกเดินทางตั้งแต่เวลา 04.28 น.ตัดข้ามอ่าวไทยขึ้นฝั่งที่อำเภอสัตหีบ บริเวณหาดเตยงามโดยเป็นระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 60 ไมล์ทะเลเวลาทั้งสิ้น 17 ชั่วโมงและได้นำธงราชนาวิกโยธินมาปักไว้ ณ.ที่หาดเตยงามแห่งนี้

หาดเตยงามอ่าวนาวิกโยธิน จึงเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ครบวงจร นอกจากผู้ที่มาเที่ยวชมจะได้รับความเพลิดเพลินในความสวยงามของธรรมชาติแล้ว ยังได้รับความรู้ความเป็นมาของทหารนาวิกโยธิน กองทัพเรืออีกด้วย นอกจากนี้แล้วบริเวณชายหาดยังเปิดโอกาสให้กับผู้ที่ชอบเล่นน้ำทะเลได้ลงเล่น โดยจะมีหอตรวจการณ์ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรวมทั้งศูนย์ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ คอยอำนวยความสะดวกและให้การดูแลเป็นอย่างดี

นอกจากนั้นในพื้นที่ใกล้เคียง ยังแวดล้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย อาทิ ศาลนายพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ บนยอดเขาแหลมปู่เจ้า พิพิธภัณฑ์ทหารนาวิกโยธิน อนุสาวรีย์ทหารนาวิกโยธิน พร้อมทั้งมีบริการบ้านพักและร้านอาหาร ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ฝ่ายกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร สัตหีบ ชลบุรี
หมายเลขโทรศัพท์ 08-4377-6791, 0-3830-8126, 0-3828-5666 หรือ 0 2866 1180 ต่อ 061 - 3350 ในวันและเวลาราชการ
มารีนรีสอร์ต หาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธิน 09-6011497

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กองทัพเรือ รับสมัครบุคคลพลเรือนเข้าศึกษาใน หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๔



วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ รับสมัครบุคคลพลเรือนเข้าศึกษาใน หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๔ โดยรับสมัครผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการเรียนวิทย์ - คณิต หรือหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นสตรีโสด อายุระหว่าง ๑๗ - ๒๐ ปี สัญชาติไทย น้ำหนักไม่น้อยกว่า ๔๒ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๖๕ กิโลกรัม ส่วนสูง ๑๕๕ เซนติเมตร
สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาจะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยมหิดล และมีสิทธิสอบเพื่อรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ สาขาการพยาบาลและผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง จากสภาการพยาบาลและปฏิบัติงานในโรงพยาบาล สังกัดกองทัพเรือ ๒ ปี
สนใจซื้อระเบียบการได้ตั้งแต่วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๔ ที่ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ ราคาเล่มละ ๑๐๐ บาท หรือสั่งซื้อทางไปรษณีย์ ราคาเล่มละ ๑๕๐ บาท โดยซื้อธนาณัติ สั่งจ่าย ปณจ.สำเหร่ ในนาม ผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ ๕๐๔/๕๗ ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ๑๐๖๐๐ โปรดระบุชื่อที่อยู่ของผู้สั่งซื้อที่หน้าซองให้ชัดเจน และ วงเล็บมุมซอง "ซื้อระเบียบการสมัคร" สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๒๖๑๔ และ ๐ ๒๔๗๕ ๒๖๒๕ (ที่มา : วพร.ทร.)

วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กองทัพเรือ ปล่อยขบวนคาราวานรถลำเลียงผ้าห่มกันหนาว



วันนี้ (๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓) เวลา ๑๕.๐๐ น. พลเรือเอก เถกิงศักดิ์ วังแก้ว เสนาธิการทหารเรือ เป็นประธานปล่อยขบวนคาราวาน รถลำเลียงผ้าห่มกันหนาว ในโครงการ "ร่วมมือร่วมใจต้านภัยหนาว ๒๕๕๓" เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่อำเภอปาย อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ณ บริเวณลานทัศนาภิรมย์หอประชุมกองทัพเรือ ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
กองทัพเรือ ให้การสนับสนุน บริษัท ร่วมมือร่วมใจ จำกัด ในการจัดทำโครงการ "ร่วมมือร่วมใจต้านภัยหนาว ๒๕๕๓" เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ อำเภอปาย อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมทั้งสิ้น ๕๒ หมู่บ้าน ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการต่อเนื่องมากว่า ๗ ปี มีหน่วยงานหลายภาคส่วนที่มีศักยภาพให้ความร่วมมือ อาทิ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์, รายการ "ร่วมมือร่วมใจ" สถานีโทรทัศน์ร่วมมือร่วมใจ กลุ่มพันธมิตร เป็นศูนย์กลางในการประสานงานและดำเนินการให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยหนาวในท้องถิ่นทุรกันดารที่ยังขาดแคลน ผ้าห่มและเครื่องกันหนาว พร้อมด้วยกลุ่มงานบริการทางการแพทย์และองค์กรที่มีศักยภาพในการลำเลียงขนส่งสิ่งของไปยังพื้นที่ทุรกันดาร และจะขยายความร่วมมือให้กว้างขวางมากขึ้น
สำหรับกิจกรรมมอบผ้าห่มกันหนาวในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๑๑ ถึงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ และมีการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในรายการ "ร่วมมือร่วมใจ" ในครั้งนี้ด้วย (ที่มา : สลก.ทร.)

กองทัพเรือ ขอเชิญร่วมบริจาคเงินและสิ่งของจำเป็นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมและภัยหนาว



กองทัพเรือ เปิดศูนย์รับบริจาคเงินและสิ่งของจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมและภัยหนาว โดย กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ และ ฐานทัพเรือกรุงเทพ เป็นหน่วยรับบริจาค
ซึ่งการรับบริจาคนั้น เป็นการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่ในปัจจุบัน และเป็นการเตรียมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบ ภัยหนาวเพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันที โดยจะนำเงินบริจาคไปจัดซื้อสิ่งของที่จำเป็นให้ตรงตามความต้องการของผู้ประสบภัยจริง ๆ ผู้มี จิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาคเงินได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔ โดยโอนเงินผ่านธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขากองบัญชาการกองทัพเรือ ชื่อบัญชี "ศูนย์รับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือ ผู้ประสบอุทกภัยและภัยหนาวของกองทัพเรือ" เลขบัญชี ๑๑๕ - ๒ - ๑๔๓๒๒ - ๖ สอบถามรายละเอียดได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๔๒๓๘ และ ๐ ๒๔๗๕ ๔๔๔๕ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๔๗๕ ๔๘๒๑ หรือบริจาคได้ที่
- กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๔๙๖๐ ในเวลาราชการ และ ๐ ๒๔๗๕ ๓๐๒๒ นอกเวลาราชการ
- ฐานทัพเรือกรุงเทพ ถนนอิสรภาพ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร (ตรงข้ามวัดชิโนรส) หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๔๙๔๓ และ ๐ ๒๔๑๑ ๒๑๔๗ ในเวลาราชการ และ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๕๓๒๗ และ ๐ ๒๔๗๕ ๕๒๖๙ นอกเวลาราชการ (ที่มา : กพร.ทร.)

น้ำพระทัยจากในหลวง ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ให้กองทัพเรือรวมจำนวนทั้งสิ้น ๖,๐๐๐,๐๐๐.- ล้านบาท (หกล้านบาทถ้วน) เพื่อดำเนินการจัดซื้อน้ำดื่มและของใช้จำเป็นสำหรับช่วยเหลือราษฎรที่ประสบปัญหาอุทกภัยในจังหวัดต่าง ๆ เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ขณะนี้กองทัพเรือเร่งดำเนินการจัดถุงยังชีพพระราชทาน จากนั้นจะใช้เครื่องบินของ กองการบินทหารเรือกองเรือยุทธการ ลำเลียงไปมอบให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ต่าง ๆ ต่อไป
สำหรับผู้มีความประสงค์ร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยกับกองทัพเรือสามารถบริจาคเงินได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยโอนเงินผ่านธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขา กองบัญชาการกองทัพเรือ ชื่อบัญชี "ศูนย์รับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและภัยหนาวของ กองทัพเรือ" เลขบัญชี ๑๑๕ - ๒ - ๑๐๓๐๐ - ๖ สอบถามรายละเอียดได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๔๒๓๘ และ ๐ ๒๔๗๕ ๔๔๔๕ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๔๗๕ ๔๘๒๑ หรือบริจาคได้ที่
- กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๔๙๖๐ ในเวลาราชการ และ ๐ ๒๔๗๕ ๓๐๒๒ นอกเวลาราชการ
- ฐานทัพเรือกรุงเทพ ถนนอิสรภาพ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร (ตรงข้ามวัดชิโนรส) หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๔๙๔๓ และ ๐ ๒๔๑๑ ๒๑๔๗ ในเวลาราชการ และ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๕๓๒๗ และ ๐ ๒๔๗๕ ๕๒๖๙ นอกเวลาราชการ (ที่มา : กพร. )

สตรีมารดาพิทักษ์

วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

รับสมัครข้าราชการเข้าเป็นนักเรียนประดาน้ำชั้นต้น ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๔



กรมสรรพาวุธทหารเรือ เปิดรับสมัครข้าราชการเข้าเป็นนักเรียนประดาน้ำชั้นต้น ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๔ โดยรับสมัครนายทหารสัญญาบัตรชั้นยศไม่เกินเรือเอก อายุไม่เกิน ๒๙ ปี และนายทหารประทวนชั้นยศไม่เกิน จ่าเอก ไม่จำกัดพรรค - เหล่า อายุไม่เกิน ๒๙ ปี และจะต้องเป็นผู้มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง กำหนดฝึกอบรมหลักสูตรประดาน้ำชั้นต้น ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มีนาคม ถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ ที่ แผนกปฏิบัติการใต้น้ำ กองทดสอบสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารเรือ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
สนใจสมัครเข้าฝึกอบรมสามารถยื่นใบสมัครผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ส่งถึง กรมสรรพาวุธทหารเรือ ตั้งแต่วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ - วันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๔ และจะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สมัครคัดเลือก ในวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๔ ที่ โรงเรียนสรรพาวุธ ฯ (สัตหีบ) หรือทางเว็บไซต์ http://www.navy.mi.th/ordn/educ_web/educ_index.html (ที่มา : สพ.ทร.)

กองทัพเรือ จัดตั้งหมู่เรือช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้



กองทัพเรือ ได้จัดตั้งหมู่เรือช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล ประกอบด้วย เรือหลวงจักรีนฤเบศร และ เรือหลวงสุรินทร์ พร้อม เฮลิคอปเตอร์ ๔ เครื่อง ออกเดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้อย่างเร่งด่วน ซึ่งผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ สายด่วน ๑๖๙๖ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
ผู้ที่มีความประสงค์จะร่วมบริจาคเงินและสิ่งของจำเป็นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย สามารถติดต่อขอบริจาคได้ที่ กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๔๙๖๐ และที่ ฐานทัพเรือกรุงเทพ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๔๙๔๓ ในวันและเวลาราชการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นาวาตรี ยุทธเศรษฐ วังกานนท์ หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๓ ๖๑๑ ๗๙๒๒ และ ๐ ๒๔๗๕ ๕๗๓๙
(ที่มา : สลก.ทร.)

วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553

กองทัพเรือไทย - จีน ร่วมเปิดการฝึกผสม Blue Strike 2010



วันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๓ เวลา ๑๐.๑๕ น. พลเรือโท พงศ์ศักดิ์ ภูรีโรจน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และ พลเรือโท ซู จื้อเถียน (Su Zhiquan) ผู้บัญชาการกองเรือทะเลใต้ กองทัพเรือ สาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมเป็นประธานเปิดการฝึกผสม Blue Strike 2010 ณ กองบัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
การฝึกผสม BLUE STRIKE 2010 เป็นการฝึกผสมในลักษณะทวิภาคี ระหว่าง กองทัพเรือไทย และกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมมิตรภาพระหว่างประเทศไทยกับ สาธารณรัฐประชาชนจีนให้แน่นแฟ้น รวมทั้งพัฒนาความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือไทยกับกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน และยกระดับขีดความสามารถในการฝึกของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินและกองทัพเรือ สาธารณรัฐประชาชนจีน อันจะเป็นประโยชน์ต่อกำลังพลที่เข้าร่วมการฝึก ฯ ซึ่งเริ่มการฝึกผสม ฯ ในปีนี้เป็นปีแรก โดย หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นเจ้าภาพการฝึก ฯ ระหว่างวันที่ ๒๖ ตุลาคม ถึงวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ณ กองบัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยฝ่ายไทยมี พลเรือตรี สมปอง สังข์สุวรรณ ผู้บัญชาการกองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นผู้อำนวยการฝึก ฯ และ นาวาเอก รณรงค์ สิทธินันทน์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ ๑ กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นผู้บังคับการกองกำลังการฝึก ฯ
สำหรับการฝึกผสม ฯ แบ่งเป็น ๔ ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นที่ ๑ การจัดแสดงยุทโธปกรณ์ และการสาธิตการฝึกยิงอาวุธด้วยกระสุนจริง การโจมตีโฉบฉวยด้วยเรือยาง ขั้นที่ ๒ การฝึกเป็นชุดปฏิบัติการผสม เป็นการฝึก ในลักษณะการอบรมบรรยาย ขั้นที่ ๓ การฝึกปัญหาต่อเนื่อง เป็นการฝึกปัญหาต่อเนื่องในสถานการณ์ทางบก และสถานการณ์ทางทะเล การลงทางดิ่งสู่เรือและการฝึกการช่วยเหลือ/ชิงตัวประกัน และขั้นที่ ๔ การสัมมนา ในหัวข้อ "หลักนิยมการปฏิบัติการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบกระหว่างไทย - สปจ." (ที่มา : นย.)

วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553

นักเรียนทหารของกองทัพเรือ

เพื่อให้เยาวชนได้ทราบถึงระบบการศึกษาของกองทัพเรือ และสามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลในการเลือกที่จะศึกษาต่อในระดับสูงขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ที่สนใจจะสมัครเข้าเป็นนักเรียนทหารของกองทัพเรือ
กรมยุทธศึกษาทหารเรือ เป็นหน่วยงานหนึ่งที่รับผิดชอบด้านการศึกษาของกองทัพเรือขอประชาสัมพันธ์แนะแนวการศึกษาของกองทัพเรือ และเชิญชวนเยาวชนไทยทั้งชายและหญิงที่สำเร็จการศึกษาตั้งแต่ระดับประถมจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลายสมัครเข้าร่วมเครือนาวี โดยมีสถาบันการศึกษาของกองทัพเรือที่น่าสนใจดังนี้
๑. โรงเรียนนายเรือ (รับนักเรียนชายที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น)
๒. วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ (รับนักเรียนหญิงที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการเรียน วิทย์ – คณิต)
๓. โรงเรียนจ่าทหารเรือ (รับนักเรียนชายที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและประกาศนียบัตรวิชาชีพ)
๔. โรงเรียนดุริยางค์ทหารเรือ (รับนักเรียนชาย-หญิงที่สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ ๖ )
๕. โรงเรียนช่างกรมอู่ทหารเรือ (รับนักเรียนชายที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นหรือเทียบเท่า)สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ๗๓๑๗๐ โทร. ๐ ๒๘๘๙ ๓๙๒๒,
๐ ๒๔๗๕ ๓๖๔๓ , ๐ ๒๔๗๕ ๓๖๖๓, ๐ ๒๔๗๕ ๓๖๖๔ ในวันและเวลาราชการ

กองทัพเรือเปิดรับสมัครบุคคลพลเรือนเพื่อสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนจ่าทหารเรือ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๔



กองทัพเรือ เปิดรับสมัครบุคคลพลเรือน ทหารกองประจำการ และทหารกองหนุนสังกัด กองทัพเรือ เพื่อสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนจ่าทหารเรือ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๔ โดยผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือกำลังศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ ๖ หรือสำเร็จการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือกำลังศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ ๓ ของกระทรวงศึกษาธิการ เป็นชายโสด อายุ ๑๗ - ๒๐ ปี (ผู้ที่เกิดตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๓๔ ถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๗) สำหรับทหารกองประจำการจะต้องสังกัดกองทัพเรือ และปลดเป็นทหารกองหนุนในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๔ หรือทหารกองหนุนสังกัดกองทัพเรือ ต้องมีอายุ ๑๘ - ๒๔ ปี (ผู้ที่เกิดตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๓๐ ถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๖) มีสัญชาติไทย และบิดา มารดามีสัญชาติไทยโดยการเกิด แต่ถ้าบิดาเป็นนายทหารสัญญาบัตรหรือนายทหารประทวน มารดาจะมิใช่เป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดก็ได้
หลักฐานในการสมัคร ประกอบด้วย สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาใบสูติบัตรของผู้สมัคร และสำเนาใบสำคัญทหารกองเกิน (สด.๙), สำเนาระเบียนแสดงผลการเรียน ของสถานศึกษาที่แสดงว่าสำเร็จการศึกษาหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือกำลังศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ ๖ หรือสำเร็จการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือกำลังศึกษาหลักสูตร และรูปถ่ายสี ขนาด ๒ นิ้ว จำนวน ๑๒ รูป
จำหน่ายระเบียบการและใบสมัคร ซื้อด้วยตนเองตั้งแต่วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ราคาชุดละ ๘๐ บาท ที่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม, ห้องสมุดกลางกองทัพเรือ อาคารราชนาวิกสภา, กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ เขตพระนคร, โรงเรียนสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ จังหวัดสมุทรปราการ, โรงเรียนชุมพลทหารเรือ สัตหีบ จังหวัดชลบุรี, ค่ายตากสิน จังหวัดจันทบุรี, ทัพเรือภาคที่ ๓ จังหวัดภูเก็ต, หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงทุกเขต, ร้านสวัสดิการทหารเรือ, ร้านสวัสดิการกรมการเงินทหารเรือ พระราชวังเดิม, ร้านสวัสดิการกิจการห้องเย็น สัตหีบ และสถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือ
สั่งซื้อทางไปรษณีย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๔ ชุดละ ๑๑๐ บาท โดยธนาณัติสั่งจ่ายในนาม กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ตู้ ปณ.๑๑ ปณภ.พุทธมณฑล
จังหวัดนครปฐม ๗๓๑๗๐ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๘๘๙ ๓๙๒๒ และ ๐ ๒๔๗๕ ๓๖๖๓ - ๔ ในวันและเวลาราชการ หรือ www.navy.mi.th/navedu (ที่มา : ยศ.ทร.)

วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553

กรมช่างโยธาทหารเรือ รับสมัครบุคคลเพื่อสรรหาและเลือกสรรเป็นพนักงานราชการ

กรมช่างโยธาทหารเรือ เปิดรับสมัครบุคคลพลเรือน เพื่อสอบคัดเลือกเป็นพนักงานราชการทั่วไป กลุ่มงานเทคนิค สำหรับปีงบประมาณ ๒๕๕๔ จำนวน ๘ ตำแหน่ง ๑๗ อัตรา โดย คุณสมบัติของผู้สมัครจะต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ เพศชายต้องผ่านการเกณฑ์ทหารแล้ว หรือได้รับการยกเว้น
สนใจสมัครและยื่นใบสมัครด้วยตนเอง พร้อมหลักฐานการสมัคร ประกอบด้วย หนังสือแสดงวุฒิการศึกษา, บัตรประจำตัวประชาชน, ทะเบียนบ้านของผู้สมัคร บิดา และมารดา, รูปถ่ายขนาด ๒ นิ้ว จำนวน ๓ รูป, ใบกองหนุนหรือใบแทน และใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลของรัฐบาล สมัครได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๓ ในวันราชการ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ น. - ๑๕.๐๐ น. ที่ แผนกแรงงาน กองกำลังพลและธุรการ กรมช่างโยธาทหารเรือ ถนนวังเดิม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๕๕๓๙ (ที่มา : ชย.ทร.)

ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยในพื้นที่ภาคตะวันออก



วันนี้ (๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๓) พลเรือเอก กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยในพื้นที่ภาคตะวันออก ณ เรือหลวงนเรศวร ท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี พลเรือเอก ณรงค์ เทศวิศาล ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พร้อมด้วยผู้บัญชาการ ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่สัตหีบ และข้าราชการ ให้การต้อนรับ
การตรวจเยี่ยมหน่วยของผู้บัญชาการทหารเรือในครั้งนี้ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่กำลังพลในพื้นที่สัตหีบ รวมทั้งฟังการบรรยายสรุปเพื่อรับทราบปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้องในการปฏิบัติภารกิจ พร้อมกับมอบเงินบำรุงขวัญและให้โอวาทแก่ข้าราชการในครั้งนี้ด้วยโดยขอให้ทุก คนมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถด้วยการทุ่มเทและเสียสละ เพื่อประเทศชาติและกองทัพเรือต่อไป (ที่มา : สลก.ทร.)

การขอมีบัตรอนุญาตติดยานพาหนะผ่านเข้า - ออก หน่วยราชการกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๕๔ - ๒๕๕๕

กรมข่าวทหารเรือ แจ้งสิทธิการขอมีบัตรอนุญาตติดยานพาหนะผ่านเข้า - ออก หน่วยราชการกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๕๔ - ๒๕๕๕ โดยผู้มีสิทธิขออนุญาตมีบัตร ฯ ดังนี้
- นายทหารสัญญาบัตรชั้นยศ นายพลเรือ สามารถขอมีบัตร ฯ รถยนต์ได้ไม่เกิน ๔ ใบ/ คน และรถจักรยานยนต์ ไม่เกิน ๒ ใบ/คน
- นายทหารสัญญาบัตร ชั้นยศ เรือตรี - นาวาเอก สามารถขอมีบัตร ฯ รถยนต์ได้ไม่เกิน ๒ ใบ/คน และรถจักรยานยนต์ไม่เกิน ๑ ใบ/คน
- นายทหารประทวน ลูกจ้างสังกัดกองทัพเรือ และพนักงานราชการ สามารถขอมีบัตร ฯ รถยนต์และพนักงานราชการ สามารถขอมีบัตร ฯ รถยนต์และหรือรถจักรยานยนต์ได้ไม่เกิน ๒ ใบ/คน
- บุคคลภายนอกและหน่วยราชการภายนอกกองทัพเรือที่ติดต่อราชการกับส่วนราชการ กองทัพเรือเป็นประจำ สามารถขอมีบัตร ฯ รถยนต์ได้ไม่เกิน ๑ ใบ/คน และรถจักรยานยนต์ได้ไม่เกิน ๑ ใบ/คน
สำหรับหลักฐานประกอบการขอมีบัตร ฯ ประกอบด้วยแบบรายงานการขอมีบัตรอนุญาต ฯ, สำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการ บัตรลูกจ้างสังกัดกองทัพเรือ และบัตรพนักงานราชการ, สำเนาเอกสารแสดงสิทธิการครอบครองรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่ถูกต้องตาม กฎหมาย ทั้งนี้ ให้ใช้หลักฐานการครอบครอง ฯ ที่เป็นชื่อของบิดา มารดา คู่สมรส ที่ตนนำมาใช้ปฏิบัติงานเป็นประจำได้ โดยจะต้องแนบหลักฐานสำเนาทะเบียนบ้านผู้ครอบครอง ฯ และรับรองโดยผู้บังคับบัญชา ฯ กำหนดส่งหลักฐานให้ กรมข่าวทหารเรือ พิจารณาภายในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ แผนกต่อต้านการข่าวกรอง กองรักษาความปลอดภัย กรมข่าวทหารเรือ หมายเลขโทรศัพท์ภายใน ๕๔๖๘๔ หรือดูได้ที่ http://www.nid.navy.mi.th/admin/misnid/secure/mainsecure.htm (ที่มา : ขว.ทร.)

วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เรือช่วยรบสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมประเทศไทย



กองทัพเรือ อนุญาตให้เรือช่วยรบสหรัฐอเมริกา ชื่อ เรือ USNS RAPPAHANNOCK (TAO 204) เข้าเยี่ยมประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๔ - ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๓ โดยจอดทอดสมอที่บริเวณ อ่าวมะขาม จังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้ เพื่อรับการส่งกำลังบำรุงและให้กำลังพลประจำเรือพักผ่อนภายหลังจากการ ปฏิบัติภารกิจในทะเล
(ที่มา : ขว.ทร.)

ผบ.ป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และคณะ เข้าเยี่ยม ผวจ.ตราด



๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ เวลา ๑๔.๐๐ น. พลเรือโท พงศ์ศักดิ์ ภูรีโรจน์ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และคณะ เข้าเยี่ยม นางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เพื่อพบปะหารือและปรึกษาข้อราชการในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ ณ ศาลากลางจังหวัดตราด (ที่มา : กปช.จต.)

กองทัพเรือ ขอเชิญร่วมบริจาคเงินและสิ่งของจำเป็นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและภัยหนาว






กองทัพเรือ เปิดศูนย์รับบริจาคเงินและสิ่งของจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและภัยหนาว โดย กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ และฐานทัพเรือกรุงเทพ เป็นหน่วยรับบริจาค
ซึ่งการรับบริจาคนั้น เป็นการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่ในปัจจุบัน และเป็นการเตรียมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวเพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันที โดยจะนำเงินบริจาคไปจัดซื้อสิ่งของที่จำเป็นให้ตรงตามความต้องการของผู้ประสบภัยจริงๆ ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาคเงินได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔ ได้ที่
- กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๔๙๖๐ ในเวลาราชการ และ ๐ ๒๔๗๕ ๓๐๒๒ นอกเวลาราชการ
- ฐานทัพเรือกรุงเทพ ถนนอิสรภาพ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร (ตรงข้ามวัดชิโนรส) หมายเลขโทรศัพท์ ๐๒๔๗๕ ๔๙๔๓ และ ๐ ๒๔๑๑ ๒๑๔๗ ในเวลาราชการ และหมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๕๓๒๗ และ ๐ ๒๔๗๕ ๕๒๖๙ นอกเวลาราชการ