วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ลมหายใจเข้า-ออกนี่แหละ คือชีวิตของแต่ละบุคคล

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ " ลมหายใจเข้า-ออกนี่แหละ คือชีวิตของแต่ละบุคคล อายุจริงๆ อยู่ที่ลมหายใจเข้า-ออก อายุที่นับกันอยู่ คือ สิ่งที่ล่วงหายไป อายุที่แท้เหลืออยู่แค่ลมหายใจ เข้า-ออก ถ้าปล่อยออกมาแล้วสูดเข้าไปไม่ได้ ก็ตาย สูดเข้าไปแล้วปล่อยออกมาไม่ได้ก็ตาย ความตายนั้น แก้ไม่ได้ ท่านจึงให้แก้ใจตัวเองให้สงบนิ่งอยู่ภายใน หายใจเข้ามาชีวิตหมดไปหายใจออกมาชีวิตหมดไป เดือน-ปี ไม่ไปไหน วันนี้หมดไป วันใหม่ก็มาแต่ว่า ชีวิตของคนเรา หมดไป สิ้นไป จงทำความรู้สึกอยู่ ภายในใจว่า "เราต้องตาย" ทุกลมหายใจ" นามเดิม สิม วงเข็มมา กำเนิด 26 พ.ย. 2452 สถานที่เกิด ต.สว่าง อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร อุปสมบทอุปสมบท ณ วัดศรีจันทราวาส อ.เมืองจ.ขอนแก่น ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2472 โดยมี ท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธาจารย์(จันทร์ เขมิโย) เป็นพระอุปัชฌาย์ สมณศักดิ์ 2502-พระครูสันติวรญาณ 2535-พระญาณสิทธาจารย์(ฝ่ายวิปัสนา) มรณภาพ 14 ส.ค. 2535 อายุ 83 ปี 63 พรรษา หลวงปู่บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 17 ปี ณ วัดศรีรัตนาราม ซึ่งเป็นวัดมหานิกาย ต่อจากนั้นไม่นาน จึงได้ถวายตัวเป็นศิษย์ของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และได้ขอญัตติใหม่เป็นธรรมยุตินิกาย ได้รับฉายาว่า "พุทธาจาโร" จากนั้นได้ออกธุดงค์เพื่อปฏิบัติธรรมตามที่ต่างๆ หลวงปู่เป็นเจ้าอาวาสวัดต่างๆ หลายวัด จนกระทั่งปี 2510 หลวงปู่ได้ลาออก จากตำแหน่งเจ้าอาวาสทุกวัด และได้เริ่มพัฒนาถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ขึ้นเป็นสำนักสงฆ์ จากนั้นได้จำพรรษาอยู่ ณ ถ้ำผาปล่อง จนกระทั่งมรณภาพ พระครูภาวนารังษี (เปลื้อง เริงเชียร) ฉายา "วิสฏฺโฐ" เกิดปีขาล พ.ศ. 2455 ณ อำเภอบางบาลจังหวัดอยุธยา เป็นบุตรนายแว้ด นางปี่ยม บวชเป็นพระภิกษุเมื่อ 21 ปีจำพรรษาที่วัดบางบาล 1 พรรษาจากนั้นได้ย้ายไปศึกษาปฏิบัติ กัมมัฏฐาน ณ ที่ต่างๆจนปี พ.ศ.2495 ได้ย้ายมาอยู่ที่ วัดใหญ่ชัยมงคลซึ่งในขณะนั้นเป็นวัดร้าง ได้ทำการฟื้นฟูปฏิสังขรณ์ จนกระทั่งได้รับอนุญาติจากสังฆมนตรี ให้เป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาได้ พร้อมทั้งเลื่อนสมณศักดิ์เป็นครูภาวนารังษีเมื่อพ.ศ. 2500 คติธรรมของท่าน "อยู่คนเดียวระวังความคิด อยู่กับมิตรระวังวาจา"

วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2558

ไข่ คืออาหารสากลที่คนทั้งโลกนิยมกิน เพราะราคาไม่แพง ปรุงง่าย ทำได้หลากหลายเมนู แม้ว่าไข่จะมีคอเลสเตอรอลสูงเมื่อเทียบกับอาหารอื่น แต่ต้องมองอีกมุมหนึ่ง ไข่อุดมไปด้วยโปรตีนคุณภาพดี และแร่ธาตุต่างๆ ที่เป็นส่วนประกอบของเซลล์ โดยเฉพาะโคลีนและเลซิตินที่มีอยู่ในไข่แดง ช่วยให้เส้นประสาทและเซลล์แข็งแรง ทำให้อวัยวะของร่างกายตื่นตัว สมองโปร่งใส สำนักโภชนาการ กรมอนามัย บอกว่า ไข่ถูกบรรจุไว้ในอาหารหลัก 5 หมู่ คือหมู่ที่ 1 เนื้อสัตว์ ไข่ นม และถั่วเมล็ดแห้ง ให้โปรตีน นอกจากนั้นโภชนบัญญัติและธงโภชนาการยังแนะนำให้กินไข่เป็นประจำ โดยเฉพาะในเด็กอายุตั้งแต่ 1 ขวบจนถึงวัยรุ่นวัยเรียน กินได้ทุกวันวันละ 1 ฟอง ส่วนผู้ใหญ่ ถ้าร่างกายปกติ ไม่มีโรคอ้วน ไขมันในเลือดไม่สูงโดยเฉลี่ยกินได้สัปดาห์ละ 3-4 ฟองกินได้ทั้งไข่แดงไข่ขาว แต่ถ้าใครมีไขมันในเลือดสูง อ้วนเพราะไม่เคยออกกำลังกาย สามารถกินไข่ได้สัปดาห์ละ 1-2 ฟอง หรือกินเฉพาะไข่ขาว ซึ่งกินได้ทุกวัน เพราะไข่ขาวไม่มีคอเลสเตอรอล แต่เต็มไปด้วยโปรตีนคุณภาพดีมากมาย มีเคล็ดลับ 5 ข้อในการกินไข่ให้ประโยชน์ คอเลสเตอรอลไม่เพิ่ม แต่เสริมสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง 1. กินไข่ปรุงสุก เพราะไข่สุกมีประโยชน์มากกว่า ในทางตรงกันข้ามการกินไข่ดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ มีความเสี่ยงต่อการรับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย 2. กินไข่กับกับข้าวเมนูผัก เช่น กินไข่คู่กับน้ำพริกผักจิ้ม แกงส้ม แกงป่า เพราะใยอาหารในผักจะช่วยดูดซับคอเลสเตอรอลส่วนหนึ่งในไข่ไม่ให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย 3. เน้นกินไข่ต้ม-ไข่ตุ๋น ไข่ต้ม 1 ฟอง ให้พลังงาน 70 กิโลแคลอรี หากนำเอาไปทำไข่ดาว ไข่ 1 ฟองจะมีพลังงานเพิ่มเป็น 110 กิโลแคลอรี และยิ่งถ้าเอาไปเจียว ไข่เจียวจานนั้นจะมีพลังงานถึง 200 กิโลแคลอรี ดังนั้นใครอยากกินไข่เจียวอาจต้องใส่น้ำมันน้อยๆ 4. หากกินไข่ให้เลี่ยงอาหารอื่นที่คอเลสเตอรอลสูง เช่น ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ หมูกรอบ หรือปลาหมึก เป็นต้น 5. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 ครั้ง ครั้งละ 30-45 นาที เพราะการออกกำลังกายจะช่วยสลายไขมันออกจากร่างกายในระดับหนึ่ง