วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

การจัดตั้งโรงเรียนนายเรือในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

เหตุการณ์รบทางเรือในวิกฤตการณ์ ร.ศ.๑๑๒ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๓๖ ที่สิ้นสุดลง ด้วยการ ที่ไทยต้องถูกปรับ และสูญเสียดินแดนบางส่วนไปนั้น เป็นบทเรียนอันมีค่า สำหรับประเทศไทย ที่จะต้องรีบเร่ง ปรับปรุงทั้งองค์วัตถุและองค์บุคคล เพื่อให้ใามารถพึ่งตนเองได้ โดยเร็วที่สุด พระบาทสมเด็จ พระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระราชดำริในอันที่จะต้องรีบให้การ ศึกษาแก่คนไทย ในเรื่องการทหารเรือ เพื่อให้สามารถ รับตำแหน่งหน้าที่ต่าง ๆ ในเรือหลวงแทนชาวต่างประเทศ ใน พ.ศ.๒๔๓๖ พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงส่งพระราชโอรสหลาย พระองค์ไปศึกษา วิชาด้านการปกครอง การทหารบก และ การทหารเรือ ณ ประเทศในทวีปยุโรป เพื่อนำวิชาที่ศึกษา มาปรับปรุง แก้ไขบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองทัดเทียมอารยประเทศ ในโอกาสนี้ได้ ทรงส่งสมเด็จ พระเจ้าลูกยากเธอ พระองค์เจ้า อาภากรเกียรติวงศ์ ไปศึกษวิชาการทหารเรือ ณ ประเทศอังกฤษ เป็นพระองค์แรก และได้ทรงสำเร็จ การศึกษา จากประเทศอังกฤษ เสด็จถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๔๓ แล้วทรงพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศเป็นนายเรือโท นับว่าเป็นพระราชโอรสพระองค์แรกที่เป็นนายทหารเรือ ที่ทรงสำเร็จ การศึกษา จากประเทศอังกฤษ ในเมืองไทยเองก็โปรดฯ ให้กรมทหารเรือ ซึ่งขณะนั้น นายพลเรือโท พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่น ปราบปรปักษ์ ทรงเป็นผู้บัญชาการกรมทหารเรือ เริ่มจัดให้มีการฝึกสอน วิชาการทหารเรือขึ้น โดยอาศัย คนต่างชาติ ที่จ้างไว้ใช้ราชการ เป็นครูผู้ฝึกสอน ตอนแรกทรงจัดตั้งโรงเรียนนายร้อย ทหารเรือและ โรงเรียนนายสิบ ทหารเรือขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๓๘ (ไม่ปรากฎหลักฐานว่า มีสถานที่ตั้งโรงเรียนอยู่ ณ ที่ใด) โดยคัดเลือกบุตรหลาน ข้าราชการทหารเรือ เข้าเป็นนักเรียน วิชาที่เรียนมี ทหารราบ การปืน เป็นต้น ครูก็ใช้ฝรั่งชาติเดนมาร์ก ที่รับราชการอยู่ ในกรมทหารเรือ เป็นผู้ฝึกสอน ผู้ที่เรียนสำเร็จ จากโรงเรียนนายร้อย ทหารเรือจะได้รับแต่งตั้ง ให้เป็นทหารไป ทำหน้าที่ในเรือ หรือซ่อม ส่วนผู้ที่สำเร็จจาก โรงเรียนนายสิบ ทหารเรือ ถ้าสอบได้คะแนนดี ก็จะได้รับเลือสงไปเข้า โรงเรียนนายร้อย ทหารเรือนอกนั้น จะได้รับแต่งตั้งยศ เป็นนายสิบ (จ่า) บรรจุตามเรือ และป้อมต่าง ๆ ต่อมาเมื่อ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอาภากร เกียรติวงศ์ทรงได้รับพระราชทาน เลื่อน พระอิสริยยศ ขึ้นจนถึง นายพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระองค์ท่านได้ทรงพระอุตสาหะวิระยะ อย่างแรงกล้าที่จะให้คนไทย มีความรู้ความสามารถในกิจการ ทหารเรือ เพื่อเข้ารับราชการ แทนชาวต่างประเทศ สมตามพระราชประสงค์ของ พระราชบิดาได้โดย สมบูรณ์และ ด้วยพระเกียรติคุณของพระองค์ ท่านที่ได้ทรงบากบั่นก่อสร้าง กองทัพเรือไทยให้ แข็งแกร่งขึ้นนี้ จึงเป็นการสมควร อย่างยิ่งที่พระองค์ท่าน ได้รับการขนานนาม จากกองทัพเรือใน รัชกาลปัจจุบัน เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖ ว่า "พระบิดาขอ่งกาองทัพเรือไทย" เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๑ (ร.ศ.๑๑๗) ได้มีการจัดตั้งโรงเรียนนายเรือขึ้นเป็นครั้งแรก ในสมัย ต่อมาเรียกว่า "โรงเรียนนายทหารเรือ"โดยมีความมุ่งหมายว่าผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนี้แล้วย่อมจะได้รับพระราชทานยศเป็นนายทหารเรือ ชั้นสัญญาบัตร สมัยเริ่มแรกนั้น นายพลเรือโท กรมหมื่นปราบปรปักษ์ (พระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์) เป็น ผู้บัญชาการกรม ทหารเรือ นายพลเรือโท พระยาชลยุทธโยธินทร์ (Audre du plesis de Richelieu) ชาติเดนมาร์กเป็น รองผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ในขณะนั้นตัวโรงเรียนไม่มี กรมทหารเรือจึงใช้เรือพระที่นั่งมหาจักรี เรือมูรธาวสิตสวัสดิ์ และอาคาร ในบริเวณนันทอุทยาน เป็นสถานที่ชั่วคราว นอกจากนี้ยังใช้ เรือหลวงสุครีพครองเมือง และเรือหลวงสุครีพ ครองเมือง เป็นสถานที่เรียนอีกด้วย การเรียนอยู่ใน การบังคับบัญชาของ นายนาวาโท ไซเดอร์บิน (Seidelin) ชาติเดนมาร์ก ซึ่งเป็นผู้บังคับการเรือ และเป็นผู้บังคับการโรงเรียน จึงนับว่าเป็นผู้บังคับการ โรงเรียนนายเรือ เป็นคนแรก คราวแรกนั้นมีนักเรียนจำนวน ๑๒ นาย ทำการคัดเลือกเอา ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และ ความประพฤติดี จากพลทหารเรือจ่าจำพวกนายท้ายเรือใหญ่ และจากนักเรียน ของโรงเรียนนายร้อยทหารเรือ วิชาที่ให้นักเรียนศึกษามีวิชาการเรือ เลขคณิต ทหารราบ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และการฝึกหัด ศึกษาอย่างเดียวกับคนประจำเรือนอกจากนี้ยังมีการฝึกหัดปืนใหญ่เรือด้วย อาจารย์ที่สอนใช ้ทั้งอาจารย์ไทย และอาจารย์ชาวต่างประเทศ การแต่งกายแต่งเครื่องแบบกะลาสี คาดเข็มขัดคันชีพ ในเวลาไปกิจธุระนอกโรงเรียน หรือกลับไป เยี่ยมบ้าน นายหมวด และผู้ช่วยนายหมวด แต่งกายอย่างนายทหาร หน้าหมวกทองเหลือง แบบพันจ่าแต่เล็กกว่า สวมหมวกแก็บคาดมีดเหน็บ ต่อมานายนาวาโท ไซเดอร์ลิน ลากลับไปเยี่ยมบ้าน ที่ประเทศเดนมาร์ก นายร้อยเอก หม่อมไพชยนต์เทพ (ม.ร.ว.พิณ สนิทวงศ์ โอรสของนายพลเรือโท พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์) ได้รับตำแหน่ง ผู้บังคับการ โรงเรียน นายทหารเรือ แทนนับว่า เป็นผู้บังคับการ โรงเรียนนายทหารเรือ คนที่ ๒ เมื่อจำนวนนักเรียนทวีมากขึ้นอีก ทำให้ตึกที่ใช้เป็นสถานที่เรียนคับแคบเกินไป ดังนั้น ในพ.ศ.๒๔๔๔ (ร.ศ.๑๒๑) โรงเรียนนายเรือจึงย้ายจากนันทอุทยาน ข้ามฟากไปอยู่ที่ พระตำหนักสุนันทาลัย ปากคลองตลาด (ที่ตั้ง ร.ร.ราชินี ปัจจุบัน) เป็นสถานที่พักอาศัยเรียนชั่วคราว เนื่องจาก การสร้างตัวอาคารถาวร ของโรงเรียน นายเรือ ในพระราชวังเดิม ยังไม่เสร็จเรียบร้อยซึ่งพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าพระราชทานใช้เป็นที่ตั้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น